share

การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018

Last updated: 5 Apr 2024
256 Views
การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018

การตรวจสอบภายในต่อมาจะเน้นไปที่การตรวจสอบเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ผู้ตรวจสอบจะตรวจสอบว่าองค์กรมีการเก็บข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ การตรวจสอบเอกสารและข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้ตรวจสอบเข้าใจถึงกระบวนการทำงานขององค์กรและสามารถตรวจสอบได้ว่าองค์กรมีการดำเนินการตามข้อกำหนดของมาตรฐาน ISO 45001:2018 หรือไม่

นอกจากนี้ การตรวจสอบภายในยังจะเน้นไปที่การตรวจสอบการดำเนินงานและการปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ใน ISO 45001:2018 โดยจะตรวจสอบว่าองค์กรมีการดำเนินการตามข้อกำหนดของมาตรฐานอย่างถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้ การตรวจสอบภายในยังสามารถช่วยให้องค์กรปรับปรุงกระบวนการทำงานและการปฏิบัติตามมาตรฐานได้อย่างต่อเนื่อง โดยการปรับปรุงดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรป้องกันความเสี่ยงทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของการตรวจประเมิน

  • First Party Audit (Internal Audit)
  • Second Party Audit (Supplier Audit)
  • Third Party Audit (Certification Audit)

หลักการพื้นฐานการตรวจประเมิน

  • การดำเนินการด้วยความมีจริยธรรม
  • การนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องเที่ยงตรง และยุติธรรม
  • การตรวจประเมินอย่างมืออาชีพ
  • ความเป็นอิสระ
  • การตรวจประเมินต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักฐาน

บุคคลที่เกี่ยวข้องในการตรวจประเมิน

การตรวจประเมิน การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในองค์กรหลายประเภท

  • หัวหน้าผู้ตรวจประเมิน (Lead Auditor)
  • ผู้ตรวจประเมิน (Auditor)
  • ผู้ว่าจ้างหรือผู้ร้องขอให้มีการตรวจประเมิน (Client)
  • ผู้ถูกตรวจประเมิน (Audittee)

คุณสมบัติส่วนบุคคลของผู้ตรวจประเมิน

  • มีจรรยาบรรณ มีความซื่อสัตย์
  • ไม่ลำเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
  • มีความสุขุมรอบคอบ
  • เปิดใจ ไม่เอาความคิดตนเองเป็นใหญ่
  • ยึดตามหลักฐานจากการตรวจประเมินอย่างมีเหตุผล
  • เป็นผู้รับฟังที่ดีกับผู้รับการตรวจประเมิน
  • ทักษะในการเจรจาต่อรอง มีไหวพริบปฏิภาณดี
  • เป็นผู้ช่างสังเกต
  • เป็นผู้เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย
  • มีความคล่องตัวสามารถปรับตัวได้ง่าย
  • มีความมุ่งมั่นตั้งใจในจุดมุ่งหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ
  • มีความสามารถในการตัดสินใจอย่างถูกต้องบนพื้นฐานของหลักฐาน เหตุผลด้วยการวิเคราะห์อย่างถูกต้อง เชื่อมโยงกับการทำงาน
  • มีความเชื่อมันในตนเอง

องค์ประกอบของแผนการตรวจประเมิน

1. วัตถุประสงค์ของแผนงานการตรวจประเมิน

1.1 มั่นใจว่าได้ดำเนินการสอดคล้องกับ

  • มาตรฐาน ISO 45001
  • เอกสารการทำงาน
  • วัตถุประสงค์ และนโยบายของระบบการจัดการ มาตรฐาน ISO 45001
  • กฎหมาย และข้อกำหนด

1.2 พัฒนาคู่ค้าทางธุรกิจในเรื่องความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจร่วมกัน

1.3 เตรียมความพร้อมจากการตรวจจากกรมส่งเสริมฯ

1.4 ทราบถึงแนวทางในการปรับปรุง จุดแข็ง จุดอ่อน และให้ข้อเสนอแนะ

1.5 ใช้ในการทบทวนโดยฝ่ายบริหารและการปรับปรุงระบบ

การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 มีผลดีต่อองค์กรอย่างไร

การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 มีผลดีต่อองค์กรได้แก่ :

  1. ช่วยให้การดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบว่าระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กรมีประสิทธิภาพและปฏิบัติตามมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรปรับปรุงและปรับเปลี่ยนกระบวนการการทำงานที่ไม่เหมาะสม และมีผลต่อความปลอดภัยของพนักงานและสิ่งแวดล้อม
  2. ช่วยให้การบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมีความเป็นระบบ: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กรให้เป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรมีการวางแผนและดำเนินการในทิศทางที่ถูกต้อง ลดความผิดพลาดและเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  3. เพิ่มความมั่นใจของผู้สนใจภายนอก: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 ช่วยให้ลูกค้าและผู้สนใจภายนอกมีความมั่นใจว่าองค์กรมีการบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ดี และสามารถให้บริการหรือผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
  4. ช่วยลดค่าใช้จ่าย: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 ช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการปรับปรุงกระบวนการทำงานและลดการเสียหายและอุบัติเหตุซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต
  5. เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 ช่วยให้องค์กรตรวจสอบว่าการดำเนินการขององค์กรตรงตามกฎหมายและข้อกำหนดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
  6. ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้ารับการประกาศรับรอง: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรเตรียมตัวให้พร้อมกับการรับรอง ISO 45001:2018 ซึ่งเป็นการรับรองว่าระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กรมีคุณภาพและปฏิบัติตามมาตรฐาน

รายการตรวจประเมิน (Checklist)

ข้อดี

  • สร้างความมั่นใจให้กับผู้ตรวจประเมิน
  • ช่วยให้มั่นใจว่าคำถามที่สำคัญไม่ได้ถูกมองข้าม
  • ช่วยให้ผู้ตรวจประเมินหลังจากที่ถูกเบี่ยงเบนประเด็น
  • ช่วยให้เป็นหลักฐานการตรวจประเมินในครั้งนั้นๆ
  • เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงให้กับผู้ตรวจประเมินครั้งต่อไป

ข้อเสีย

  • การตรวจประเมินจะไม่น่าสนใจหากใช้รายการตรวจประเมิน ซ้ำแล้วซ้ำอีก
  • การตรวจประเมินจะไม่ครบถ้วนถ้าจัดทำ รายการตรวจประเมิน ไม่ดี

การจัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับการตรวจสำหรับผู้รับการตรวจประเมิน

1) จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นให้ผู้ตรวจประเมิน

2) ควรจัดให้มีผู้นำทางไปในพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากพื้นที่หลายแห่งในองค์การอาจก่อให้เกิดอันตรายได้

3) ถ้าเป็นสำนักงานที่มีความเสี่ยงจากอุบัติเหตุต้องชี้แจงผู้ตรวจประเมินก่อนว่าถ้ามีเหตุฉุกเฉินควรดำเนินการอย่างไร เช่น ทางหนีไฟอยู่ที่ไหน พื้นที่รวมพลอยู่บริเวณใด สิ่งใดบ้างที่ไม่ควรทำในพื้นที่โรงงาน เป็นต้น

4) ให้ความสะดวกกับผู้ตรวจประเมินเท่าที่จะทำได้ และไม่ควรดำเนินการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดการเสียเวลาในการตรวจประเมิน

5) สถานที่สำหรับการต้อนรับผู้ตรวจประเมินนั้นถ้าเป็นไปได้ควรมีการเตรียมพื้นที่เฉพาะ มีความสงบ สะอาด ไม่มีมลพิษ เพื่อให้ผู้ตรวจสำหรับการทำงานและการประชุมซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการจัดการ

ข้อกำหนดตามมาตรฐาน ISO45001:2018 ในแต่ละข้อ ว่าองค์กรต้องดำเนินการอะไรบ้าง

ข้อที่ 1. SCOPE (ขอบเขต)

ข้อกำหนดนี้บ่งบอกให้ทราบถึง ขอบเขตการใช้มาตรฐาน สำหรับการบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยฉบับนี้ ทุกองค์กรสามารถนำไปวางระบบได้ เพื่อให้องค์กรบรรลุ ผลลัพธ์การดำเนินธุรกิจ และพัฒนาปรับปรุงผลการดำเนินการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย และข้อกำหนดต่างๆที่เกี่ยวข้องและบรรลุวัตถุประสงค์ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย




ข้อที่ 2. NORMATIVE REFERENCE (เอกสารอ้างอิง)

มาตรฐาน ISO45001:2018 ไม่มีเอกสารอ้างอิงเป็นมาตรฐานที่องค์กรมาตรฐานระหว่างประเทศประกาศขึ้นมาเป็นฉบับแรก

ข้อที่ 3. TERMS AND DEFINITIONS

ข้อกำหนดของมาตรฐานการจัดการ ISO45001:2018 ฉบับแรกนี้กำหนดคำนิยามและคำศัพท์ไว้ทั้งหมด 37 คำ โดยหากในเนื้อหาของมาตรฐานคำใดที่มีความเข้าใจที่แตกต่างกัน ให้ใช้ความหมายของคำนิยามที่มาตรฐานกำหนดไว้เป็นเกณฑ์ ข้อนี้องค์กรควรเขียนคำนิยามไว้เป็นเอกสารอ้างอิงของการจัดทำระบบโดยระบุไว้ใน คู่มือการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

ข้อที่ 4. CONTEXT OF THE ORGANIZATION (บริบทองค์องค์กร)

ข้อกำหนดของมาตรฐาน ISO45001:2018 กำหนดให้องค์กรจะต้องดำเนินการ 4 เรื่องด้วยกันดังต่อไปนี้

  • สำรวจประเด็นภายในและภายนอกขององค์กร ที่จะมีผลกระทบต่อระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
  • สำรวจความต้องการ ความคาดหวัง ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
  • กำหนดขอบเขตการจัดทำระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ขององค์กรหรือสถานประกอบการ
  • กำหนดแนวทางการจัดทำระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กร

โดยในข้อกำหนดที่ 4 นี้ ให้จัดทำแบบฟอร์มการสำรวจประเด็น ภายใน, ภายนอก และความต้องการความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และเขียนเอกสารสารสนเทศเพื่อการกำหนดขอบเขตการจัดทำระบบให้ชัดเจน

ข้อที่ 5. LEADERSHIP AND WORKER PARTICIPATION (ความเป็นผู้นำและการมีส่วนร่วม)

ในข้อกำหนดนี้ ให้องค์กรจัดทำและวางระบบที่สะท้อนประเด็นหลักๆที่มาตรฐานกำหนดไว้ 4 เรื่องดังนี้

  • กำหนดความมุ่งมั่นของผู้นำและผู้บริหารด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยโดยจะต้องกำหนดให้ชัดว่าจะเน้นอะไร จะทำอะไรและแสดงออกอย่างไรให้เป็นรูปธรรม
  • ผู้บริหารสูงสุดต้องกำหนดนโยบายอาชีวอนามัยและความปลอดภัยและสื่อสารให้ทั่วถึงทั้งองค์กร
  • ผู้บริหารทุกระดับจะต้องกำหนดโดยสร้างการบริหาร บทบาท อำนาจ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของผู้บริหารและพนักงานทุกระดับทุกตำแหน่ง
  • ต้องกำหนดวิธีการขั้นตอนการเข้ามามีส่วนร่วมในด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน

ข้อที่ 6. PLANNING (การวางแผน)

ในข้อกำหนดนี้ ให้องค์กรวางแผนการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 2 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้

  • วางแผนดำเนินการจัดการความเสี่ยงและโอกาสด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ทั้งความเสี่ยงในองค์กร และความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการ
  • กำหนดวัตถุประสงค์เป้าหมายและแผนการดำเนินการปฏิบัติ

โดยองค์กรต้องกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้ชัดเจน สอดคล้องกับ ความเสี่ยงและโอกาสขององค์กร รวมทั้งกำหนดแผนการดำเนินการ ทรัพยากรและผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน

ข้อที่ 7. SUPPORT (การสนับสนุน)

ในข้อกำหนดนี้ องค์กรจะต้องจัดทำกิจกรรมที่สำคัญ รวมทั้งหมด 5 เรื่องดังนี้

  • กำหนดทรัพยากรที่จำเป็นในการจัดทำระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ให้เพียงพอ เหมาะสม พร้อมใช้งานใน เช่น งบประมาณ บุคลากร อุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น
  • กำหนดความรู้ความสามารถบุคลากรทุกระดับทุกตำแหน่ง เพื่อที่จะดำเนินการตามระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ที่กำหนดไว้
  • การสร้างจิตสำนึกด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้กับบุคลากรในองค์กร โดยวิธีการที่เหมาะสมกับกลุ่มต่าง ๆ
  • จัดทำระบบการสื่อสาร ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยภายในองค์กรและภายนอกองค์กรให้สะดวก ทั่วถึง และมีการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
  • จัดทำเอกสาร สารสนเทศ ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องใช้ปฏิบัติตามระบบที่มีการออกแบบหรือวางระบบไว้ รวมทั้งต้องมีการควบคุมจัดการเอกสารสารสนเทศให้มีความทันสมัย

ข้อที่ 8. การปฏิบัติงาน (OPERATION)

ในข้อกำหนดข้อนี้ องค์กรจะต้อง ดำเนินการอยู่ 2 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้

  • การวางแผนและการควบคุมการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เหมาะสมของหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์กร โดยให้ใช้ข้อมูลของความเสี่ยงและโอกาสด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กรเป็นฐานข้อมูลในการพิจารณา โดยเน้นการกำจัดอันตราย, และการลดความเสี่ยง,การบริหารจัดการความเปลี่ยนแปลง,การจัดซื้อจัดจ้าง,การควบคุมผู้รับเหมาและการควบคุมผู้รับจ้างเหมาช่วง (OUTSOURCE)
  • การเตรียมความพร้อมการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน โดยในข้อนี้องค์กรต้องจัดทำมาตรการ การรับมือกับเหตุฉุกเฉินในรูปแบบต่างๆที่มีโอกาสเกิดขึ้นในองค์กร โดยเน้นทั้งมาตรการก่อนเกิดเหตุการณ์,ขณะเกิดเหตุการณ์และหลังเหตุการณ์สงบหรือยุติลง นอกจากนี้จะต้องมีการฝึกซ้อมแผนหรือมาตรการต่างๆ ให้เกิดทักษะและเกิดความชำนาญ

ข้อที่ 9. PERFORMANCE EVALUATION (การประเมินสมรรถนะ)

ในข้อนี้ องค์กรจะต้องดำเนินการอยู่ 3 เรื่องหลักๆด้วยกันคือ

  • การติดตาม วัดผล การวิเคราะห์และการประเมินด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อทราบว่าสถานะต่างๆ อยู่ที่ระดับใดมีข้อจำกัด หรือปัญหาอุปสรรคอยู่ที่จุดใด การแก้ไขปัญหาจึงจะดำเนินการได้ทันท่วงทีและถูกต้องตรงประเด็น
  • การตรวจติดตามภายใน เพื่อให้รู้สถานะความครบถ้วนสมบูรณ์ของระบบการจัดการ ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยตามข้อกำหนดทุกข้อ เพื่อที่จะได้นำข้อบกพร่องของระบบไปสู่การแก้ไข ต่อไป
  • การประชุมทบทวนการจัดการ โดยในข้อนี้ผู้บริหารสูงสุด และผู้บริหารทุกระดับจะต้อง ประชุมทบทวนผลการดำเนินงาน ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในทุกๆข้อที่ได้ดำเนินการ เพื่อให้ฝ่ายบริหารทราบถึงผลการดำเนินการ และความคืบหน้าต่างๆ โดยความถี่ของการประชุมขึ้นอยู่กับองค์กรเป็นผู้กำหนด รวมทั้งรูปแบบวิธีการ ประชุมด้วย เช่นกัน

ข้อที่ 10. INPROVEMENT (การปรับปรุง)

ในข้อกำหนดนี้ มาตรฐานเน้นให้องค์กรมีการพัฒนาปรับปรุง ระบบการบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยเน้น 3 ด้านดังนี้

  • การดูผลลัพธ์ของระบบการบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยหากไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดก็จะต้องตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อนำไปสู่การพัฒนา/ปรับปรุง ให้ดีขึ้น
  • การจัดการกับสิ่งที่เป็นข้อบกพร่อง,ปัญหา และความไม่สอดคล้องต่างๆ เช่นอุบัติเหตุ/อุบัติการณ์ เป็นต้น เพื่อเป้าหมายหลักคือการไม่ให้เกิดปัญหานี้เกิดขึ้นซ้ำ
  • การพัฒนาระบบอย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นให้เหมาะสมกับองค์กร โดยทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นภาพรวมที่สำคัญ ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในลำดับขั้นของการจัดทำระบบ รวมทั้งสรุปสาระสำคัญหลักๆ ที่มาตรฐานได้มีการกำหนดเอาไว้ หากต้องการที่จะจัดทำระบบตามมาตรฐาน ISO45001:2018 ผู้เขียนขอเสนอให้องค์กร ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกในการนำมาจัดวางระบบที่สมบูรณ์ต่อไป

ขั้นตอนการตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018

ขั้นตอน การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอน ดังนี้

  1. การเตรียมการตรวจสอบ: ผู้ตรวจสอบจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเข้าไปตรวจสอบภายในองค์กร โดยมีการทบทวนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กร เช่น การทบทวนการดำเนินงานในที่ทำงาน การตรวจสอบเอกสารต่างๆ เป็นต้น
  2. การเข้าตรวจสอบ: ผู้ตรวจสอบจะเข้าไปตรวจสอบภายในองค์กรตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในแผนการตรวจสอบ โดยจะต้องเข้าใจกระบวนการทำงานขององค์กรและสามารถตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 ได้
  3. การบันทึกผลการตรวจสอบ: ผู้ตรวจสอบจะต้องบันทึกผลการตรวจสอบทั้งหมดที่ได้ทำไว้ โดยระบุประเด็นที่ต้องปรับปรุงและแนะนำวิธีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
  4. การเตรียมแผนการปรับปรุง: องค์กรจะต้องพิจารณาผลการตรวจสอบและกำหนดแผนการปรับปรุงเพื่อสามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดียิ่งขึ้นตามมาตรฐาน ISO 45001:2018
  5. การดำเนินการปรับปรุง: องค์กรจะต้องดำเนินการปรับปรุงตามแผนการปรับปรุงที่กำหนดไว้ในแผนการปรับปรุง โดยผู้รับผิดชอบฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามแผนการปรับปรุงที่กำหนดไว้
  6. การติดตามและประเมินผล: องค์กรจะต้องติดตามและประเมินผลของการปรับปรุงที่ดำเนินการไว้เพื่อตรวจสอบว่าการปรับปรุงได้ทำให้กระบวนการทำงานดีขึ้นตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 หรือไม่ และต้องปรับปรุงการดำเนินงานอีกต่อไป
  7. การรายงานผล: ผู้ตรวจสอบจะต้องรายงานผลการตรวจสอบและแนะนำการปรับปรุงให้กับผู้บริหารองค์กร เพื่อให้ผู้บริหารสามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดียิ่งขึ้นตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 ได้อย่างเหมาะสม
  8. การดำเนินการปรับปรุง: หลังจากได้รับรายงานผลการตรวจสอบและแนะนำการปรับปรุงจากผู้ตรวจสอบ ผู้บริหารองค์กรจะต้องดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงานตามแผนการปรับปรุงที่กำหนดไว้
  9. การตรวจสอบ: หลังจากดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงานแล้ว จะต้องมีการตรวจสอบในระยะสั้น ๆ เพื่อตรวจสอบว่าการปรับปรุงที่ดำเนินการไว้เป็นไปตามแผนการปรับปรุงหรือไม่ และว่าการปรับปรุงนั้นได้ทำให้กระบวนการทำงานดีขึ้นตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 หรือไม่
  10. การส่งเสริมและพัฒนา: องค์กรจะต้องส่งเสริมและพัฒนาการปรับปรุงต่อไป เพื่อให้มีการพัฒนากระบวนการทำงานตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 อย่างต่อเนื่อง และมีการพัฒนาความรู้และทักษะของพนักงานเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 ได้

สำหรับ การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 นั้น คุณอาจต้องใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้

  1. การใช้ซอฟต์แวร์: การใช้ซอฟต์แวร์สามารถช่วยให้คุณสามารถจัดการข้อมูลได้ดีขึ้น และเป็นการลดเวลาในการตรวจสอบข้อมูลที่มีปริมาณมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการตรวจสอบข้อมูลประจำเดือน หรือปี
  2. การใช้เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์: การใช้เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ สามารถช่วยในการรวบรวมข้อมูลและประเมินผลการดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกสบายมากขึ้น
  3. การใช้ระบบเฝ้าระวัง: การใช้ระบบเฝ้าระวังช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบการดำเนินงานของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว และแจ้งเตือนให้ทราบเมื่อมีปัญหาหรือข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้น
  4. การใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพคุณ: การใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพคุณ เช่น การใช้เซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับและรายงานสภาพแวดล้อม หรือการใช้ระบบสารสนเทศภายในเพื่อประสานงานระหว่างทีมงานและตรวจสอบข้อมูลที่สร้างขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  5. การสร้างแบบฟอร์ม: การสร้างแบบฟอร์มที่เป็นไปตามความต้องการของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 เพื่อช่วยในการรวบรวมข้อมูลและให้กับผู้ใช้งานต่าง ๆ ในองค์กร
  6. การใช้เทคนิคการสอบสวน: เทคนิคการสอบสวนเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบการดำเนินการของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยการสอบสวนจะเน้นการตรวจสอบข้อมูลที่มีความสอดคล้องกับระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อตรวจสอบว่าระบบการจัดการนั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง
มาตรฐาน ISO คืออะไร
อุตสาหกรรมต่าง ๆ ในปัจจุบันได้มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันอย่างสูงเพื่อให้ธุรกิจของตนได้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการบริการ อุตสาหกรรมการผลิต เป็นต้น บทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ คำว่า ISO ว่าคืออะไร และมีบทบาทสำคัญมากน้อยแค่ไหนในเชิงธุรกิจ
ทำไมต้อง ISO9001:2015 มีความสำคัญกับองค์กรอย่างไร
หลายคนคงจะคุ้นเคยกับคำว่า "ISO" ซึ่งมาจากคำว่า "International Organization for Standardization"อันเป็นมาตรฐานรับรองสากดที่องค์กรธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยจะแบ่งย่อยมาตรฐานด้านต่างๆ ตามแต่ละอุตสาหกรรมออกไปตามตัวเลขเช่นISO 9001:2015 ก็จะหมายถึงการรับรองคุณภาพด้านการจัดการขององค์กร
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy